[bspolarbear]

[size=1][b]วิเคราะห์สถิติหลังเกมที่ทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เฝ้ารังเชือด เรอัล มาดริด สุดมันด้วยสกอร์ 4-3 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2021-22 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก[/b]
[/size]

[size=1]วันที่ 27 เม.ย. 65 ความเคลื่อนไหวหลังเกมที่ทาง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำทีม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมชาวสเปน นำทีมเปิดสนาม เอติฮัด สเตเดียม เอาชนะ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ ลาลีกา สเปน ด้วยสกอร์ 4-3 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2021-22 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
เกมดังกล่าว "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ 4 ประตูจาก เควิน เดอ บรุนด์ นาทีที่ 2, กาเบรียล เชซุส นาทีที่ 11, ฟิล โฟเดน นาทีที่ 53 และ แบร์นาโด ซิลวา นาทีที่ 74 ส่วนทีมเยือน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ได้ 3 ประตูจาก คาริม เบนเซมา นาทีที่ 33, วินิซิอุส จูเนียร์ นาทีที่ 55 และ คาริม เบนเซมา นาทีที่ 82 (จุดโทษ)[/size]

[b]สถิติหลังเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 เรอัล มาดริด[/b]
[size=1]- เกมนี้ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ เรอัล มาดริด 4-3 ถือเป็นสกอร์รวมสูงสุดในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ร่วมกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิก 5-2 ในปี 1995 และ ลิเวอร์พูล ชนะ โรมา 5-2 เมื่อปี 2018[/size]
[size=1]- คาริม เบนเซมา เป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงได้มากกว่า 40 ประตูในฤดูกาลเดียวให้กับ เรอัล มาดริด นับตั้งแต่ คริสเตียโน โรนัลโด ที่ย้ายออกจากทีมไปในปี 2018 [/size]
[size=1]- ไม่มีผู้เล่นชาวอังกฤษคนไหนในปัจจุบันที่ทำประตูใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ตอนอายุ 21 ปีได้มากกว่า ฟิล โฟเดน ที่จำนวน 9 ประตู ต่อจาก เวย์น รูนีย์[/size]
[size=1]- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ เรอัล มาดริด ได้ 3 ครั้งหลังสุดที่พบกัน[/size]