05-06-2022, 06:46 AM
เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกา สเปน ประจำฤดูกาล 2021/22 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะเหลือการแข่งขันอีก 4 นัดก็ตาม นับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 35 ในประวัติศาสตร์ของ “ราชันชุดขาว”
แน่นอนว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนภายในทีม แต่มีอยู่ 5 คน ที่มีความโดดเด่น และเป็นปัจจัยสำคัญ ในการนำแชมป์ลาลีกา กลับคืนถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว
ติโบต์ กูร์กตัวส์
ผู้รักษาประตูชาวเบลเยียมวัย 30 ปี ลงเฝ้าเสาครบทุกนัด และอยู่ในสนามครบทั้ง 90 นาที เสียไป 29 ประตู คิดเป็นค่าเฉลี่ย 0.85 ประตูต่อนัด มีสิทธิ์ลุ้นรางวัล “ซาโมร่า โทรฟี่” หรือรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของลาลีกา เป็นสมัยที่ 4
ลูก้า โมดริช
จอมทัพชาวโครเอเชีย แม้อายุจะย่างเข้าสู่ 37 ปี แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาคือหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ในฤดูกาลนี้ เขามีสถิติการจ่ายบอลสำเร็จเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งผลงาน 2 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ คือเครื่องการันตี
วินิซิอุส จูเนียร์
ปีกดาวรุ่งชาวบราซิลวัย 22 ปี แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ ในยุคของกุนซือคาร์โล อันเชล็อตติ ทำได้ถึง 14 ประตู ซึ่งมากกว่าประตูที่ยิงได้ใน 3 ฤดูกาลแรกรวมกันถึง 2 เท่า แอสซิสต์ได้ 12 ลูก และเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จถึง 90 ครั้ง สูงกว่านักเตะอย่างนาบิล เฟคีร์, ยานนิค การ์ราสโก้ และออสการ์ เทรโฮ
คาริม เบนเซม่า
ฤดูกาล 2021/22 ถือเป็นฤดูกาลที่ดาวยิงชาวฝรั่งเศสวัยย่างเข้า 35 ปีรายนี้ ระเบิดฟอร์มการเล่นที่ดีสุดในชีวิตนักฟุตบอล ยิงไป 26 ประตู 11 แอสซิสต์ จาก 30 นัดในลาลีกา มีโอกาสสูงมากที่จะคว้ารางวัลดาวซัลโว หรือ “ปิชิชี่” ในซีซั่นนี้ อีกทั้งมักจะยิงประตูสำคัญๆ อยู่บ่อยๆ เช่น ยิงประตูชัยช่วงทดเจ็บ ในนัดที่บุกไปชนะเซบีย่า 3 - 2 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
คาร์โล อันเชล็อตติ
เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนวัย 63 ปี กลับมาคุมเรอัล มาดริดเป็นรอบที่ 2 เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ประสบการณ์การทำงานกุนซือมามากกว่า 20 ปี เขาจึงมีวิธีการที่จะพา “ราชันชุดขาว” คว้าแชมป์ลาลีกามาครอง ทำให้เขากลายเป็นโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่พาทีมคว้าแชมป์ครบ 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ไล่เรียงตั้งแต่อิตาลี, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และสเปน