03-12-2023, 01:12 PM
3 เกมซ้อนของ เชลซี
อันที่จริง เกรแฮม พ็อตเตอร์ ต้องพาทีมลงสนามเกมนี้แบบแอบเสียว หวั่นๆ ว่าจะหลุดอีกรอบเอาได้ เมื่อปริมาณตัวเจ็บของเขาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว จากที่เดิมก็ขาดอยู่แล้ว 4-5 คน ยังมี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เมสัน เมาท์ หรือ ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง เดี้ยงเพิ่มอีก จนปรับทัพอะไรไม่ได้มากแม้เพิ่งผ่านเกมยุโรปกับ ดอร์ทมุนด์ มา
กระนั้นที่สุดแล้ว เชลซี ก็เอาชนะอย่างคู่ควร 3-1 เป็นชัยชนะ 3 เกมซ้อนแล้วเมื่อรวมผลทุกรายการ เริ่มจากชนะ ลีดส์ 1-0, ดอร์ทมุนด์ 2-0 และ 3-1 เกมนี้ ซึ่งการเก็บชัยยิงยาวลักษณะนี้ เกิดขึ้นหนสุดท้ายก็ตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีก่อน ที่ชนะ 5 นัดติด
นอกจากนั้น ยังเป็นการกลับมาชนะเกมเยือนได้อีกครั้ง จากที่ไร้ชัยมาถึง 10 เกมซ้อน (เสมอ 3 แพ้ 7) ก่อนหน้านี้ อันเป็นผลงานแย่สุดตั้งแต่ 2000/01 ทีเดียว
มีทั้งดีและไม่ดี
นี่เป็นเกมที่ดีของหลายนักเตะ เชลซี เป็นต้นว่า เบน ชิลเวลล์, มาเตโอ โควาซิช, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, คาลิดู คูลิบาลี่ หรือ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เป็นแมนออฟเดอะแมตช์จากสื่อบางสำนัก
แต่ในมุมดีๆ ก็ย่อมแทกไว้ด้วยมุมแย่ๆ เสมอ
นี่คือ 45 นาทีแรกที่ "เหนือคำบรรยาย" ของ เจา เฟลิกซ์ กองหน้าโปรตุเกส เมื่อเจ้าตัวมีส่วนร่วมกับเกมเยอะมากๆ มีทั้งช็อตยิงชนเสา ยิงเข้าแล้วโดนยกเลิก โดยเฉพาะการถอยลงมาช่วยเกมรับแล้วพลาดเสียบอลจนเสียประตู 1-1 ซึ่งต้องถือว่า เกรแฮม พ็อตเตอร์ คิดถูกที่ถอดออกทันทีเมื่อเข้าครึ่งหลัง
ไม่เช่นนั้น เฟลิกซ์ อาจสติหลุดจนมีใบแดงอีกสักใบ ก็เป็นได้
เชลซี เครื่องติดแล้ว?
ชนะมา 3 เกมซ้อน รวมถึงหยุดสถิติเลวร้ายของเกมนอกบ้านเอาไว้เพียงเท่านี้ ก็คงไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขา "ติดเครื่อง" ได้แล้ว แต่คำถามที่มีต่อท้ายก็คือ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ เชลซี ยุค พ็อตเตอร์ จะกลายร่างเป็นสิงห์ติดปีก
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกเขาจะกลับมาเป็น "ยอดทีม" ดังเดิม
ก็ถือว่ามีโชคอยู่นิดๆ ที่โปรแกรม 2 นัดถัดไปดูไม่ยากนัก กับการเปิดบ้านรับมือ เอฟเวอร์ตัน สัปดาห์หน้าก่อนพักเบรคทีมชาติ รวมถึงเมื่อพ้นเบรคแล้วก็ยังได้เปิดรังฉะ แอสตัน วิลล่า เท่ากับ 2 เกมนี้มีสิทธิ์ทำให้ เชลซี เดินหน้าชนะติดต่อกัน 5 แมตช์ซ้อนได้เลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าเดือนหน้าแล้ว โปรแกรมโหดๆ จะรอพวกเขาอยู่ ทั้งเจอกับ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล รวมถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
เดี๋ยวคงได้เห็นว่า สิงห์ตัวนี้จะคำรามดังขนาดไหน
อย่าเพิ่งกาชื่อ เชลซี ทิ้งจากท็อปโฟร์
สิ่งสำคัญจากชัยชนะของวันนี้ คือแม้พวกเขาจะยังคงรั้งอันดับ 10 ของตารางพรีเมียร์ลีก 2022/23 ต่อไป แต่ใครๆ ก็อาจจะยังกาชื่อทิ้งออกจากโควตาท็อปโฟร์ไปไม่ได้ ณ ตอนนี้
การที่ เชลซี ชนะ ทำให้พวกเขาเก็บเพิ่มเป็น 37 แต้ม (จาก 26 นัด) ยังรั้งอันดับ 10 แต่ก็เหลือตามหลังที่ 5 ลิเวอร์พูล (26 นัดเท่ากัน, วันนี้แพ้ บอร์นมัธ) แค่ 5 แต้มเท่านั้นเอง
5. ลิเวอร์พูล 42 (แต้ม)
6. นิวคาสเซิ่ล 41
7. ไบรท์ตัน 39
8. ฟูแล่ม 39
9. เบรนท์ฟอร์ด 38
10. เชลซี 37
แม้ว่าเจ้าของอันดับ 4 ตอนนี้อย่าง สเปอร์ส จะชนะและตรึงระยะห่างจาก เชลซี ไว้ที่ 11 แต้ม (48:37) แต่อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้... แค่ว่า เชลซี ต้องเดินหน้าชนะเกมตัวเองต่อไป เกมแล้วเกมเล่าอย่าได้เว้นวรรค เท่านั้น
น่าห่วงกว่าคือ เลสเตอร์
เชลซี ยังพอมีลุ้นตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ (แม้ไม่พึ่งทางลัดอย่างแชมป์ ชปล.) ในทางตรงกันข้าม เลสเตอร์ ซิตี้ กำลังเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการ "ตกชั้น"
เด็กๆ จิ้งจอกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีช่วงดีๆ ในเดือนก่อนที่ชนะ 3 เกมซ้อน แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้น เลสเตอร์ ก็ฟุบอย่างต่อเนื่อง จนเป็นการแพ้ 5 นัดติดในทุกรายการแล้ว (เป็นในลีก 4 เกมซ้อน)
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ เลสเตอร์ ถอยมายืนปากเหวที่อันดับ 16 โดยมีแต้มเท่าอันดับ 17 บอร์นมัธ แต่ดีกว่าแค่เรื่องผลต่างประตูได้เสีย และพร้อมกันนั้นก็นำหน้าอันดับ 18 เวสต์แฮม แค่แต้มเดียวถ้วน
ที่ต้องไม่ลืมคือ เลสเตอร์ เป็นทีมประเภท "ขึ้นสุดลงมิด" เสียด้วย นั่นหมายถึงว่า การตกชั้น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกแล้วสำหรับอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัยอย่าง เลสเตอร์ นาทีนี้
แนะนำเว็บน่าสนใจ : dragongaming666.com | dreamgaming168.com | fachai66.net | fifa777.info | fifa999.net เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง